อสุจิ
เชื้ออสุจิ ตัวหนึ่ง ว่ายอยู่ในท่อนำไข่ ผ่านกลุ่มเซลล์ขน ""ซีเลีย" ที่โบกพัดของเหลวเพื่อช่วยให้ไหลจากปลายท่อนำไข่เข้าสู่มดลูก ต้านการเคลื่อนไหวของอสุจิที่สะบัดหางว่ายไปยังไข่ที่ปลายท่อนำไข่
ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ถูกนำมาใช้ประโยชน์เกี่ยวกับการตรวจสอบหาตัวผู้กระทำผิดในคดีข่มขืนหรือทำอนาจารได้
จากการตรวจสอบ DNA ในรอยคราบอสุจิ เพื่อหาตัวผู้กระทำผิด โดยเฉพาะการตรวจหาตัวบุคคลจากคราบอสุจิสามารถตรวจหาได้เนื่องจากในน้ำอสุจิมีสารเคมีหลายตัวที่เราสามารถตรวจสอบได้ เช่น น้ำย่อยแอสิดฟอสฟาเตส เป็นต้น หรือถ้าจะตรวจสอบคราบอสุจิบนเสื้อผ้าก็ใช้วิธีปิดไฟมืดแล้วเปิดหลอดไฟอัลตร้าไวโอเลต ( แสงสีม่วง ) บริเวณที่เป็นคราบอสุจิก็จะเรืองแสงขึ้นมา ปกติแล้วอสุจิในสภาพใหม่ๆ จะมีลักษณะขุ่นขาวเหลว หากทิ้งไว้สองหรือสามชั่วโมงก็จะใสขึ้น และเมื่อปล่อยให้แห้งก็จะเป็นคราบแห้งๆ คล้ายกาวแห้ง แต่ถ้าอยู่ในสภาพเละๆ ก็จะเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลเข้มคล้ายเลือดจากการเน่า เนื่องจากเป็นอสุจิที่หลั่งทิ้งไว้นาน ไม่แห้งแต่เน่า ก็เลยมีลักษณะเหมือนเลือดเก่าๆ ซึ่งอสุจิลักษณะนี้ได้กลายเป็นหลักฐานที่สำคัญในคดีเจนจิรา กับนายเสริม ที่มา : ไขคดีด้วยนิติวิทยาศาสตร์ ตามรอยอสุจิ (ตอน 2 ) พ.ญ. พรทิพย์ โรจน์สุนันท์. Update ฉบับที่ 166 เดือนมิถุนายน 2544.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น